การออกใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์
กรมวิชาการเกษตร ได้ออกใบรับรอง มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร และผู้ผลิต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ตามมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่18 เมษายน 2544) โดยเกษตรกรหรือผู้ผลิตจะต้องยื่นใบสมัครขอใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์ ที่
- โครงการเกษตรอินทรีย์ ตึกกสิกรรม ชั้น 2 กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์0-2579-7520 โทรสาร 0-2940-5472
- หน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 - 8
หลัง จากนั้น ผู้ตรวจประเมิน (Inspector) ที่ได้รับมอบหมายจะออกไปตรวจสอบพื้นที่การผลิต แล้วรายงานให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบออกใบรับรองมาตรฐานปัจจัยการผลิต และผลิตพืชอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร เพื่อพิจารณาอนุมัติออกใบรับรองเป็นประกาศนียบัตร ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ(ถ้าร้องขอ) พร้อมกับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ Organic Thailand พิมพ์บน บรรจุภัณฑ์ เพื่อแสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ใบรับรองมีอายุเพียง 1 ปี ดังนั้น จึงต้องยื่นใบสมัครขอต่ออายุทุกปี ในขณะนี้การขอรับรองการผลิตพืชอินทรีย์ จากกรมวิชาการเกษตรไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น
การตรวจสอบออกใบรับรองมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร
อันเนื่องมาจากการประกาศใช้มาตรฐานการผลิตพืช อินทรีย์ของประเทศไทย โดยกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2544 โดยมีรายละเอียดตามหัวข้อต่าง ๆ รวมทั้งภาคผนวก เพื่อให้เกิดการผลิตพืชอินทรีย์ภายในประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงและมั่นใจในระบบการผลิต การตลาด และการบริโภค จึงจำเป็นต้องสร้างกฎเกณฑ์และ ระเบียบปฏิบัติให้มาตรฐานการผลิตมีระบบการ ตรวจสอบและออกใบรับรอง โดยรัฐมีหน้าควบคุม กำกับดูแล รวมทั้ง
กำหนดบทลงโทษ ซึ่งจักต้องประกาศเป็นกฎหมายในขั้นตอนต่อไป และเนื่องจากการผลิตอาหาร อินทรีย์ในประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มต้น การดำเนินงานในทุกด้านที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าสู่ระบบสากล จึงต้องเร่งรีบดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะ ผู้บริโภคในประเทศที่พัฒนาล้ำหน้า อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการคาด การณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดการค้าอาหารอินทรีย์จะสูงขึ้นมากกว่าร้อยละสิบ คิดเป็นมูลค่ามากกว่าสองพันล้านดอลล่าสหรัฐ หรือ
ประมาณ 1 แสนล้านบาท ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารป้อนผลโลก จัดอยู่ในอันดับหกของโลก มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าสินค้าอาหารดังกล่าว โดยปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบ การผลิตอาหารอินทรีย์ได้โดยไม่ยาก และเพื่อให้การผลิตอาหารอินทรีย์เข้าสู่ระบบที่เป็นมาตรฐานสากล กรมวิชาการเกษตร ซึ่งมีหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนาพืชจึงต้องเร่งรัดวาง แผนดำเนินงานการผลิตพืช (อาหาร) อินทรีย์ให้ทันต่อสถานการณ์ดังกล่าว เทคโนโลยีการผลิตพืชอินทรีย์ คือ งานหลักที่จักต้องวิจัยและพัฒนาโดยเร่งด่วน และในเวลาเดียวกัน ระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานก็จักต้องมีการตรวจสอบและออกใบรับรองควบคู่ไปพร้อม กัน ระบบการตรวจสอบออกใบรับรองที่กรมวิชาการเกษตรกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ เกิดจากการลอกเลียนแบบจากประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่เป็นมาตรฐานและดำเนิน กิจการมายาวนานเป็นที่เชื่อถือโดยทั่วโลก และได้มีการปรับปรุงแก้ไขกรรมวิธีบางประการเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตการเกษตรและวัฒนธรรมการผลิตของเกษตรกรในประเทศไทย ซึ่งสามารถดำเนินการให้ได้ระดับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของประเทศทั่วโลกได้ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ใครหรือสถาบันใดคือผู้ตรวจสอบและ ออกใบรับรอง
ในสภาพความเป็นจริง คุณสมบัติสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ คือ ใบรับรองของตัวมันเอง ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ได้สัมผัส พิสูจน์ และลิ้มลองอาหารอินทรีย์แต่ละยี่ห้อเป็นหลักประกันของความเชื่อถือ ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากมีความหลากหลายให้ผู้บริโภคจำต้องเลือกหาความมีมาตรฐานในคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีกฎ กติกา และจรรยาบรรณซึ่งจำต้องมี ผู้รักษากฎเกณฑ์ให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้และกฎกติกาของแต่ละประเทศก็ ย่อมแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ในวงการค้าตลาดโลก จึงต้องมีกฎกติกากลางที่ประเทศสมาชิกถึงยอมรับ เพื่อให้เกิดการซื้อ - ขายระหว่างกัน โดยกำหนดมาตรฐานสากลที่มีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตร (FAO) ร่างเป็นมาตรฐานกลาง เช่น CODEX เพื่อถือใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในแต่ละประเทศก็มีกฎหมายกำหนดมาตรฐานของเขาซึ่งแตกต่างกันไปในรายละเอียด อันเป็นส่วนสำคัญของแต่ละประเทศพึงระมัดระวังผลประโยชน์ของเขาเอง ดังนั้นต่อคำถามที่ว่าใครหรือสถาบันใด
คือผู้ตรวจสอบออกใบรับรองคำตอบ คือ
เป็นบุคคล หรือสถาบันใดก็ได้ที่ได้รับอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบ (Auditor) ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรแห่งรัฐ และ/หรือ องค์กรสากลที่ยอมรับในประเทศสมาชิก (Accreditation Body) จึงสามารถเป็นหน่วยงานรับรอง (Certified Body) ที่สามารถออกใบรับรองมาตรฐานแห่งรัฐ และ/หรือ องค์กรสากลนั้น ๆ ได้” ดังแผนภูมิประกอบ
จากแผนภูมิอันเป็นหลักการที่กำหนดไว้เป็นรูปแบบนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร คำตอบคือ รัฐบาลมีประกาศใช้มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2544 อันเป็นมาตรฐานที่จักต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดตามสภาวะความ เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเอื้อให้มีการค้าพืชอินทรีย์ทั้งภายในและต่างประเทศอย่างสูงสุดขณะนี้อยู่ใน ระหว่างการเจรจาทั้งทวิภาคี และพหุภาคีกับประเทศผู้นำเข้าพืชอินทรีย์จากประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการยอมรับมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของเราฉบับนี้ ในขณะเดียวกันระบบการผลิต การตรวจสอบและการออกใบรับรองพืชอินทรีย์ภายในประเทศกำลังอยู่ในระหว่าง ดำเนินงานอย่างรีบเร่ง และให้เป็นระบบตามหลักการกล่าวคือ
- การสร้างผู้ตรวจสอบ ออกประกาศให้ผู้มีคุณสมบัติตามที่รัฐ หรือองค์กรสากลทั่วไปกำหนด เข้ารับการอบรม และสอบผ่านมาตรฐาน เพื่อเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ที่ได้รับการรับรอง ขณะนี้รัฐโดยกรมวิชาการเกษตรกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ในขณะเดียวกันสำหรับผู้สนใจเป็นผู้ตรวจสอบสามารถติดต่อองค์กรสากลอื่นได้โดย ทั่วไป
- หน่วยงานออกใบรับรอง ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ดำเนินงานควบคุม กำกับดูแล และออกใบรับรองมาตรฐานอินทรีย์แห่งประเทศไทย เป็นการนำร่องและเมื่อเข้าสู่ระบบดีแล้ว จึงเปิดสู่สาธารณะเพื่อช่วยกันดำเนินงาน ส่วนหน่วยงานใบรับรองที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน(Accreditation) จากองค์กรสากลใด ๆ จะช่วยผลักดันให้มีการส่งออกสินค้าพืชอินทรีย์ย่อมเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศ ชาติเป็นอย่างยิ่ง รัฐควรให้การสนับสนุนและร่วมมือการทำงาน
- แนวทางปฏิบัติ / คู่มือการตรวจสอบ ในปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตรได้ศึกษารูปแบบการปฏิบัติงาน การตรวจสอบพืช / ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ทั้งในภาคสนาม และโรงงาน จากหน่วยงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและประเทศญี่ปุ่น และนำมาปรับปรุงเป็นแผนปฏิบัติที่สอดคล้องต่อการปฏิบัติของเกษตรกรไทย
แนวทางการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบ
- ผู้ตรวจสอบจักต้องมีความเข้าใจโดย ละเอียดในปรัชญาและความหมายของเกษตรอินทรีย์ (กล่าวโดยรวมแห่งการเป็นอาหารอินทรีย์ซึ่งไม่เฉพาะพืช)
- มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศผู้ นำเข้าจากประเทศไทย และโดยเฉพาะมาตรฐานของประเทศไทยเอง
- รายละเอียดเอกสารทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง และเน้นรายละเอียดแบบฟอร์ม ใบสมัคร บันทึกการผลิต และรายงานการตรวจฟาร์ม / โรงงาน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก)
- การตรวจเยี่ยมฟาร์ม / โรงงาน ในปีแรกต้องกระทำไม่ต่ำกว่าปีละ 2-3 ครั้ง ปีถัดไป 1-2 ครั้ง
- ผู้ตรวจสอบเป็นผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญต่อ คณะกรรมการออกใบรับรอง
- ค่าใช้จ่าย / ค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานตลอดจนความรับผิดชอบในหน้าที่ และข้อผิดพลาดอันส่งผลกระทบต่อการับรองจะมีการกำหนดเป็นระเบียบ โดยกฎหมายแห่งรัฐ
กระบวนการออก ใบรับรองพืชอินทรีย์ โดยกรมวิชาการเกษตร
- กรมวิชาการเกษตรประกาศให้ผู้ผลิตขอใบสมัครพร้อมให้คำแนะ นำ
- ผู้สมัครยื่นแบบฟอร์มการสมัครพร้อมรายละเอียด
- กรมวิชาการเกษตร โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบออกออกใบรับรองมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ ประเมินค่าใช้จ่าย
- เมื่อผู้ผลิตตกลงในเรื่องค่าใช้จ่าย คณะอนุกรรมการฯ จะมอบเอกสารดำเนินงานพร้อมชี้แจงรายละเอียด
- เอกสารที่ผ่านการกรอกข้อมูลโดยสมบูรณ์จะได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่คณะ อนุกรรมการฯ หากมีข้อแก้ไขปรับปรุงจะต้องมีการดำเนินการจนถูกต้องสมบูรณ์
- ทำสัญญาตามข้อตกลง และนัดหมายวันเวลาผู้ตรวจสอบเข้าตรวจแปลง / โรงงานกำหนดค่าใช้จ่ายการตรวจครั้งที่ 1
- ก่อนทำการตรวจสอบแปลง / โรงงาน ผู้ตรวจจะเปิดการฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานในแปลง / โรงงาน ในรายละเอียดการผลิต / วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว และการบรรจุตามมาตรฐานของประเทศไทย การตรวจสอบจะกระทำในสถานที่โดยละเอียด ตลอดรวมทั้งการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติงานตามจุดต่าง ๆ ในระบบ
- ผู้ตรวจสอบจัดทำรายงาน
- รายงานจะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการฯ สำเนารายงาน 1 ชุด ส่งให้ผู้ผลิต อีก 1 ชุด ส่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- เมื่อรายงานผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุมัติโดยคณะอนุกรรมการฯ ผู้ผลิตได้รับใบรับรองพร้อมสัญลักษณ์ (LOGO) แห่งประเทศไทย โดยผู้ตรวจสอบจะเข้าตรวจเยี่ยมแปลง / โรงงาน เป็นครั้งที่ 2 เพื่อสรุปผล แจ้งผลการอนุมัติพร้อมมอบใบรับรองและสัญลักษณ์แจ้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งหมด (ครั้งที่ 2)
- ผู้ผลิตจักต้องยื่นรายงาน จำนวนการผลิต การติดสลากพร้อมสัญลักษณ์ พร้อมใบยืนยันจากลูกค้าทุกรายต่อกรมวิชาการเกษตรทุก 3 เดือน
- การรับรองจะมีอายุ 1 ปี และจักทำการตรวจสอบยืนยันซ้ำตามระบบเดิม ซึ่งจะมีการบันทึกการอนุมัติในแต่ละปี ในทำนองเดียวกันหน่วยงานออกใบ รับรองอื่น (นอกจากกรม วิชาการเกษตรซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต) ก็จะได้รับการตรวจสอบและรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นระบบเช่นเดียว กันนี้