จากการสำรวจ พบว่าคนไทยกินอาหารทอด และผัดร้อยละ 19.6 ทุกวัน ซึ่งคุณทราบหรือไม่ว่า อาหารมันๆที่พวกคุณรับประทานกันในแต่ละวันนั้น ล้วนให้พลังงานสูง และถ้าหากเรารับประทานบ่อยๆเยอะๆแล้ว จะทำให้ไขมันไปสะสมบริเวณพุง เกิดภาวะที่เรียกว่า อ้วนลงพุง ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งและอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ต้องมาเสียเวลา เสียเงิน เพื่อบำรุงรักษาตัว เพียงเพราะเราไม่ใส่สุขภาพตนเองตั้งแต่แรก
ไขมัน มาจากไหน
- ไขมัน เป็นสารอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานสูงที่สุด คือ 9 กิโลแคลอรี ต่อ 1 กรัม ไขมันช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อีและเค ให้ความอบอุ่นและควบคุมอุณภูมิของร่างกาย ช่วยให้ อาหารนุ่มมีกลิ่นรสดี น่ากิน การขาดไขมันหรือได้รับไม่เพียงพอจะทำให้ได้รับวิตามิน มากเกินจะทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- ไขมัน ได้จากทั้งพืชและสัตว์ ได้แก่ น้ำมันหมู น้ำมันพืชที่ทำจากถั่วเหลือง ปาล์ม เมล็ดฝ้าย มะพร้าว รำข้าว เป็นต้น รวมทั้งเนย ซึ่งทำมาจากไจมันในนม เนยเทียมหรือมาการีนทำมาจากไขมันพืช อีกส่วนหนึ่งไขมันจะแทรกอยู่ในเนื้อสัตว์ รวมถึงวิธีการปรุงประกอบด้วยไขมัน น้ำมัน เนยกะทิ เช่น อาหารทอด ผัด ขนมเค้ก คุกกี้ พิซซ่า ไอศกรีม แกงกะทิเป็นต้น
จากการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการในประเทศไทยปี 2546-2547 พบว่า "คนไทยกินอาหารทอด และผัดทุกวันร้อยละ 19.6" เพราะไขมันช่วยให้อาหารนุ่ม มีกลิ่นรสดี น่ากิน เช่น ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด ปลาทอด ไข่เจียว ไข่ดาว หรือจำพวกขนมทอดทั้งหลาย
ลดมัน ลดโรคอย่างไร
แม้ว่าไขมันจะมีความสำคัญต่อร่างกายคนเราแต่หากกิน "อาหารมันจัด" เป็นประจำ จะเกิดไขมันสะสมจนทำให้เป็นโรคอ้วน และเสี่ยงที่จะเป็นภาวะแทรกซ้อน โรคอื่นๆตามมา
องค์การอาหารและเกษตร (FAO) องค์การอนามัยโลก (WHO) และ The American Heart Association แนะนำให้บริโภคไขมันไม่เกินร้อยละ 30 ของพลังงานที่รับต่อวัน หรือมื้อละประมาณ 3.5-4 ช้อนชา และควรมีสัดส่วนของไขมันพืช: ไขมันสัตว์ เท่ากับ 3:1 หรือ 1:1 เป็นอย่างน้อย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ปรับพฤติกรรมในการกินเพื่อลดอาหารมันจัด โดยให้ทำตามข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยเรียกง่ายๆว่า โภชนาบัญญัติ 9 ข้อ และ กินอาหารตามธงโภชนาการ เลือกกินอาหารที่ประกอบด้วยวิธีการนึ่ง ย่าง ต้ม อบ แทนของทอด และ หมั่นออกกำลังกายอย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาที
เอาใจใส่สุขภาพกันสักนิดนะค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองค่ะ จำไว้นะค่ะ สุขภาพดีๆนั้นไม่มีขาย อยากได้คุณต้องทำเอง
-----
การลดอาหารไขมัน
การรับประทานไขมันมากโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวจะทำให้ไขมันในเลือดสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมองตีบ การเลือกอาหาร การปรุงอาหารจะช่วยให้เราสามารถปริมาณไขมันในอาหาร
การรับประทานไขมันมากไปโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว saturated fatจะทำให้ระดับ cholesterolในเลือดสูงซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด บทความนี้จะแนะนำวิธีการลดอาหารมัน
ไขมันอิ่มตัวพบในอาหารประเภทไหน
• ไขมันอิ่มตัวพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น หมู เนื้อวัว เครื่องใน ไส้กรอก แฮม แคบหมู เบค่อน คุ๊กกี้ ขนมเค้ก cheese cream กะทิ น้ำมันปาล์ม
คนปรกติจะรับอาหารไขมันอิ่มตัวได้แค่ไหน
• ผู้ชายไม่ควรจะรับไขมันอิ่มตัวเกิน 30g ต่อวัน
• ผู้หญิงไม่ควรจะรับไขมันอิ่มตัวเกิน 20g ต่อวัน
เมื่อท่านเลือกซื้ออาหารต้องอ่านฉลากว่า มีส่วนประกอบของอาหารอะไรบ้าง หากมีไขมันเกินก็ไม่ต้องซื้อ
คำแนะนำเรื่องไขมัน
• รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว saturated fat ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับหรือไม่เกินวันละ 300 กรัมของคลอเลสสเตอรอลล์ และหลีกเลี่ยงไขมันชนิด trans fatty acid
• ปริมาณพลังงานที่ได้จากไขมันต้องไม่เกิน 30%ของปริมาณทั้งหมด และควรจะเป็นพวกไขมันไม่อิ่มตัวpolyunsaturated
and monounsaturated fatty acids จากพืชและถั่ว
• เมื่อจะรับประทานเนื้อสัตว์ต้องเลือกเนื้อที่มีไขมันต่ำ เช่นเนื้อสันใน หรือแกะเอาหนังและไขมันทิ้ง
• ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมัน trans fatty
• สำหรับเด็กเล็กอายุ 2-3 ขวบให้รับประทานไขมันได้ถึงร้อยละ 30-35 สำหรับเด็กอายุ 4-18 ปีให้รับประทานอาหารไขมันได้ถึงร้อยละ 25-35 และแหล่งไขมันควรจะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว polyunsaturated and monounsaturated
fatty acids,เช่น ปลา ถั่ว และน้ำมันพืช
ในฉลากอาหารจะมีรายละเอียอดของสารอาหาร ให้ตรวจดูว่ามีไขมันอิ่มตัว(‘saturates’ or ‘sat fat)ในฉลากว่ามีปริมาณเท่าไร
• มีไขมันอิ่มตัวสูงหมายถึงมีไขมันอิ่มตัวมากกว่า 5 กรัมต่ออาหาร 100 กรัม
• มีไขมันอิ่มตัวน้อยหมายถึงมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 1.5 กรัมต่ออาหาร 100 กรัม
• ไขมันอิ่มตัวระหว่าง 1.5-5 กรัมต่ออาหาร 100 กรับถือว่าอยู่ในช่วงปานกลาง
การลดปริมาณไขมันอิ่มตัวในบ้าน
• สำรวจน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ให้เลือกน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันมะกอก หลีกเลี่ยงน้ำมันปาล์ม เนย น้ำมันหมู มาการีน
• เนื้อสัตว์ เลือกเนื้อสันในซึ่งมีไขมันไม่มากและเล็มเอาไขมันออก หลีกเลี่ยงหมูสามชั้น ไส้กรอก แฮม เครื่องใน เลือกไก่ไม่ติดหนัง เนื้อปลา ส่วนไข่ก็จำกัดหากมีไขมันในเลือดสูง
• อาหารเช้าที่คนมักจะนิยมรับประทานได้แก่ ขนมปังปิ้งทาเนย ปาท่องโก๋ หมูปิ้ง กล้วยแขก ขนมข้าวเม่า หรือของทอดทั้งหลายต้องหลีกเลี่ยง หากรับประทานโจ๊กต้องระวังหมูสับซึ่งมีไขมันมาก
• ใครที่ชอบรับประทานก๊วยเตี๋ยวให้เลือกเส้นเล็ก หรือเส้นหมี หรือบะหมี่เพราะเส้นใหญ่จะมีไขมัน
• ของขบเคี้ยวให้หลีกเลี่ยงโดยเฉพาะมันฝรั่งทอด pop corn หากจะรับประทานให้อ่านฉลากทุกครั้ง
• หากจะรับประทานสลัดต้องเลือกที่มีไขมันต่ำ หรือทำรับประทานเอง การทำแซนวิตย์ต้องเลือกครีมที่มีไขมันต่ำ
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น Pizza ไก่ทอด โดนัท ขนมปัง ลาซันญ่า
• หากซื้ออาหารสำเร็จรูป ให้เปรียบเทียบสารอาหารว่ามีปริมาณไขมันสูงหรือไม่ เลือดที่มีไขมันต่ำที่สุด
• นมหรือโยเกิตร์ให้เลือกชนิดไขมันต่ำ
• ดื่มกาแฟก็ไม่ควรใส่ครีม coffemate
• ไก่และเป็ดต้องลอกหนังออกก่อนทุกครั้ง หลีกเลี่ยงขาหมู
• ไส้กรอกต้องเลือกไส้กรอกที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำที่สุด และใช่วิธีอบ หรือย่าง
• หลีกเลี่ยง Baconใช้วิธีย่างหรืออบแทนการทอด
• ไข่สำหรับคนที่ไขมันในเลือดสูงก็จำกัดปริมาณที่รับประทาน หลีกเลี่ยงการทอดใช้ต้มหรือเผา.
• จะพบว่าทั้ง butter cheese magarine ล้วนให้ผลเสียต่อสุขภาพ เราควรจะหลีกเลี่ยงหากจำเป็นต้องใช้ก็ใช้น้ำมันพืชเช่นน้ำมันมะกอก ถั่วเหลือง ข้าวโพด หรือ magarine ชนิดเหลว
ให้ดึงหนังออกจากอาหารที่เราจะปรุง เช่นหนังไก่ หนังหมู
• หลีกเลี่ยงอาหารทอด ใช้ปิ้ง ย่างหรือนึ่งแทน
• ดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมสด
• ไม่ควรทาเนยหรือ Magarine บนขนมปัง
• ไม่ควรผสมเนยและน้ำตาลด้วยกันเพราะน้ำตาลจะทำให้ร่างกายเราหลั่งอินซูลิน อินซูลินจะทำให้เซลล์ของเราเก็บไขมันมากขึ้น
• ก่อนปรุงอาหารให้เลาะเอาไขมันออกให้หมด
• ให้ yoghurt แทนครีม
• ให้ลอกหนังไก่หรือหนังหมูก่อนการหมักเพื่อให้เนื้อมีรสอร่อย
• ถ้าเป็นไปได้ควรจะงดพวก butter cheese โดยใช้น้ำมันพืชแทน
สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน
• กาแฟสดที่ซื้อรับประทานจะใส่ไขมันและครีมค่อนข้างมากให้หลีกเลี่ยง ให้ดื่มาแฟดำแทน
• ไม่สั่งอาหารจำพวกแกงซึ่งใส่กระทิ
• อาหารจานด่วนนอกบ้านมักจะมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูงให้หลีกเลี่ยง
• อาหารทอดนอกบ้านมักจะใช้น้ำมันปาล์มหรือน้ำมันที่มี Trans fat ค่อนข้างสูง
• อาหารว่างให้ใช้ผลไม้แทนขนมขบเคี้ยว เค็ก หรือคุ๊กกี้
• ไขมันที่ใช้ตามบ้านไม่ควรใช้ไขมันชนิดไหน
ที่ต้องหลีกเลี่ยงได้แก่ น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม เนย มาการีนแข็ง( hard margarine) เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวมาก และมีแคลอรี่ี่สูง นอกจากนั้นยังมี trans fat.ซึ่งจะทำให้ LDL cholesterol ในเลือดสูงและทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง
ควรจะใช้ไขมันอะไรในการปรุงอาหาร
แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอก olive, canola, น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวต่ำ,
ควรจะใช้เนยหรือมาการีน
ไม่ควรใช้ทั้งสองชนิดเนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวและ Trans fat สูง