/////////////////////////
Bisphenol A (BPA) คืออะไร มีอันตรายอย่างไรบ้าง
เรียบเรียงโดย: Ohnado USA Shop
แหล่งข้อมูล: วิชาการ.com, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่8 (นครสวรรค์) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
สาร BPA คืออะไร?
BPA (Bisphenol) เป็นสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติก มีการทดลองในหนูพบว่า BPA เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งในต่อมลูกหมาก และส่งผลต่อความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย
Bisphenol A นิยมใช้กันทั่วไปเพื่อทำให้ขวดพลาสติก เช่น ขวดนม เพราะมีความใส สารพิษนี้แทรกซึมลงในของเหลวและอาหารที่บรรจุอยู่ภายในได้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาร Bisphenol A จำนวนเพียงเล็กน้อย มีผลทำให้ก่อมะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การเริ่มเป็นหนุ่มสาวเร็วเกินไป โรคอ้วน โรคเบาหวาน ไฮเปอร์ (hyperactivity).
ผลการศึกษาล่าสุดจาก Harvard School of Public Health (HSPH) ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ดื่มน้ำจากขวดโพลีคาร์บอเนตหรือขวดพลาสติกแข็งหรือขวดนมเด็กเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์จะมีสารบีพีเอ (bisphenol A; BPA) เพิ่มขึ้นในปัสสาวะถึงสองในสามส่วน สารจำพวกนี้ใช้มากในอุตสาหกรรมบิสฟีนอลเอและพลาสติกชนิดอื่น มีผลต่อการพัฒนาระบบสืบพันธุ์ในสัตว์ สำหรับในคนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและเบาหวาน
จัดเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ครับที่พบว่าการดื่มน้ำจากขวดโพลีคาร์บอเนตทำให้ปัสสาวะมีสารบีพีเอเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าสารบีพีเอจากขวดบรรจุน้ำดื่มปนเปื้อนเข้าสู่ของเหลวในขวดและหากเราดื่มในปริมาณที่มากก็จะทำให้พบสารตัวนี้เพิ่มในปัสสาวะได้
นอกจากจะพบสารบีพีเอในขวดโพลีคาร์บอเนตซึ่งเป็นขวดน้ำที่นิยมใช้กันในหมู่เด็กนักเรียน และยังพบสารนี้ในขวดนมเด็ก ชิ้นส่วนงานทันตกรรม กาว อลูมิเนียมที่ใช้ใส่อาหาร และเครื่องดื่มกระป๋องอีกด้วย
การศึกษาหลายเรื่องแสดงให้เห็นว่าสารบีพีเอขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อในสัตว์ ขัดขวางการเจริญของระบบสืบพันธุ์ การพัฒนาและการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อบริเวณต่อมน้ำนม ลดการผลิตสเปิร์มในรุ่นลูกรุ่นหลาน และอาจอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการแรกเริ่ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาจาก HSPH และ Harvard Medical School คาริน บี มิเชล กล่าวว่า การดื่มน้ำเย็นจาก ขวดโพลีคาร์บอเนตแค่เพียงอาทิตย์เดียวก็สามารถทำให้ระดับบีพีเอในปัสสาวะเพิ่มขึ้นถึงสองในสามส่วนได้ และหากน้ำในขวดร้อนอย่างกรณีของขวดนมเด็กระดับของสารบีพีเอที่พบในปัสสาวะก็จะมากขึ้น จึงต้องระวังอย่างยิ่งเนื่องจากสารบีพีเอจะขัดขวางการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อในทารกได้มากกว่า
การศึกษานี้ใช้อาสา สมัครจำนวนทั้งสิ้น 77 คน โดยให้อาสาสมัครทำการ ‘ล้างท้อง’ ก่อนด้วยการดื่มน้ำเย็น
จากขวดสแตนเลสเป็นเวลา 7 วันเพื่อลดระดับสารบีพีเอในร่างกาย ระหว่างนี้ทีมวิจัยก็จะตรวจสารบีพีเอในปัสสาวะไปด้วย จากนั้นจึงให้ขวดโพลีคาร์บอเนตแก่อาสาสมัครคนละสองขวดและให้อาสาสมัครดื่มน้ำทุกชนิดจากขวดที่เตรียมให้ตลอดสัปดาห์และทำการตรวจปัสสาวะ
ผลตรวจแสดงให้เห็นว่าสาร BPA ในปัสสาวะอาสาสมัครเพิ่มขึ้นถึง 69% หลังดื่มน้ำจากขวดโพลีคาร์บอเนต (ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารบีพีเอที่ตรวจพบในกลุ่มเด็กนักเรียนใกล้เคียง กับคนอเมริกาทั่วไป) การศึกษาก่อนหน้านี้รายงานว่า สารบีพีเอ สามารถปนเปื้อนเข้าสู่ของเหลวในขวดได้ และการศึกษานี้เป็นงานแรกที่แสดงให้เห็นถึงระดับความเข้มข้นของสารบีพีเอในปัสสาวะคน
ที่น่ากังวลก็คือ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ใช้ขวดประเภทนี้ดื่มน้ำเป็นประจำแถมยังไม่ค่อยยอมล้างขวด และหากเด็กเด็กกรอกน้ำร้อนลงไปก็จะทำให้ได้รับสารบีพีเอเพิ่มมากขึ้น เพราะความร้อนช่วยทำให้สารบีพีเอรั่วไหลออกมามากขึ้น
รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ให้สารBisphenol A หรือ BPA เป็นสารเคมีอันตรายต้องห้าม เนื่องจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข (Health Canada) และด้านสิ่งแวดล้อมของแคนาดา (Environment Canada) ตรวจพบว่า สาร Bisphenol A แม้ในปริมาณที่ต่ำ เป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ และยังมีเป็น สาเหตุของโรคหลายโรคได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคตับ ทั้งนี้ ได้เคยมีประกาศเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2551 ห้ามจำหน่ายขวดนมเด็กที่สาร Bisphenol Aไปแล้ว
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และไอ ผู้ที่ทำงานใช้สารในระดับประมาณ 240 มิลลิกรัม เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกมีรสชาติขม คลื่นไส้ และปวดศีรษะ
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อย การสัมผัสสารติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เป็นโรคผิวหนัง เป็นผื่นแดง คัน และบวม
กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองในปากและทางเดินอาหาร แต่ไม่มีพิษต่อร่างกาย ถ้าได้รับสารในปริมาณมาก มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่นมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ วิงเวียน และอาเจียน
สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ
สารนี้เป็นสารก่อมะเร็งต่อระบบเลือด เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ สารนี้จัดเป็นสารก่อมะเร็งตามบัญชีรายชื่อของ NTP
วิธีการหลีกเลี่ยงจากสารอันตราย Bisphenol A(BPA)
ขวดนม: หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกประเภทรีไซเคิลที่มีตัวเลข 7 และกำกับด้วยข้อความ OTHER
เนื่องจากพลาสติกชนิดนี้เป็นพวก โพลีคาร์บอเนต (polycarbonate plastic) และภาชนะพลาสติกประเภทรีไซเคิลที่มี เลข 3 ประเภท PVC ซึ่งทำให้สาร Bisphenol A จะสามารถปนเปื้อนออกมาจากภาชนะได้ถ้าภาชนะชิ้นนั้นสัมผัสกับความร้อน
หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ภาชนะปลอดสาร Bisphenol A ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด โดยสังเกตสัญญาลักษณ์ BPA Free